สรุปงานวิจัย
สรุปงานวิจัย 3เรื่อง ที่ใส่ในบล็อก ที่มีความสำคัญกับคณิตศาสตร์
เรื่อง 1:ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยด้วยกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโต
เรื่อง 2: ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ
เรื่องที่ 3: การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
งานวิจัยเรื่อง : ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยด้วยกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโต
การศึกษาระดับ : บัณฑิต
มหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผู้วิจัย: วรรณี วัจนสวัสดิ์
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญ
เกมการศึกษาเป็นกิจกรรมการสอนชนิดหนึ่งที่สนับสนุนทฤษฎีการเรียนรู้ของเด็ก
คือ จัดให้เด็กได้เรียนรู้จากการเล่นสิ่งที่เป็นรูปธรรม เกมการศึกษาจึงเป็นกิจกรรมการเล่นที่ช่วยฝึกทักษะและช่วยให้เด็กเกิดความคิดรวบยอดเกี่ยวกับสิ่งที่เรียน
นอกจากนี้ยังช่วยฝึกการแก้ปัญหา การคิดหาเหตุผลการสังเกตเปรียบเทียบ การจำแนก การจัดหมวดหมู่
อันเป็นทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
ความมุ่งหมายของการวิจัย
ในการวิจัยครั้งนี้ผู้วิจัยได้ตั้งความมุ่งหมายไว้
เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังที่ได้รับกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโต
ความสำคัญของการวิจัย
การวิจัยครั้งนี้ทำให้ทราบถึงทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับกิจกรรม
เกมการศึกษาลอตโต เพื่อเป็นแนวทางสำหรับครู ผู้ปกครอง
และผู้ที่เกี่ยวข้องในการส่งเสริมและ
พัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ รวมทั้งการจัดกิจกรรมการเล่นให้เหมาะสมยิ่งขึ้น
ขอบเขตของการวิจัย
ตัวแปรที่ศึกษา
1. ตัวแปรต้น กิจกรรมเกมการศึกษาลอตโต
2. ตัวแปรตาม ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กที่มีอายุระหว่าง 4–5 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่
2ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ส่วนการศึกษาอนุบาลโรงเรียนไผทอุดมศึกษา กรุงเทพมหานครสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
เขตพื้นที่การศึกษาที่2
2. ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความสามารถของเด็กปฐมวัยในการสังเกตเปรียบเทียบ
สี ขนาด จำแนกในรูปร่าง ขนาด การจัดหมวดหมู่ การเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน–หลังและการรู้ค่าจำนวน
กรอบแนวคิดในการวิจัย
1. การสังเกตเปรียบเทียบ
2. การจัดหมวดหมู่
3. การเรียงลำดับ
4. การรู้ค่าจำนวน
สมมติฐานในการวิจัย
เด็กปฐมวัยที่ได้รับกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโตมีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สูงกว่าก่อนการทดลอง
บทที่ 3
การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง
ประชากร
ประชากรที่ใช้ในการสุ่มตัวอย่างครั้งนี้เป็นนักเรียนชายและหญิง
อายุ 4-5 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที่
2 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 โรงเรียนไผทอุดมศึกษา สังกัดสำนักงานบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
เขตพื้นที่การศึกษา 2 กรุงเทพมหานคร จำนวน243 คน
การเลือกกลุ่มตัวอย่าง
กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ เป็นนักเรียนชาย–หญิง อายุ 4-5 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 2 ภาคเรียนที่
2 ปีการศึกษา 2551 ส่วนการศึกษาอนุบาลโรงเรียนไผทอุดมศึกษากรุงเทพมหานคร
สังกัดสำนักงานบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริม การศึกษาเอกชน เขตพื้นที่การศึกษา
2จำนวน 30 คน โดยมีขั้นตอนคัดเลือกกลุ่มตัวอย่างด้วยวิธีการสุ่มอย่างง่าย
(Simpie Random Sampling)มา 1 ห้องเรียนจากจำนวนทั้งหมด
8 ห้องเรียน
เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย
1. กิจกรรมเกมการศึกษาลอตโต จำนวน 60 กิจกรรม
2. แบบทดสอบวัดความสามารถทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยจำนวน
40 ข้อ
วิธีดำเนินการศึกษาค้นคว้า
การสร้างเกมการศึกษาลอตโต
1. ศึกษาข้อมูลเบื้องต้น ประโยชน์และประเภทในการสร้างเกมการศึกษาลอตโต
เช่น ทฤษฎีพัฒนาการและการเรียนรู้ของเด็กปฐมวัย เกมและการเล่นสำหรับเด็กปฐมวัย องค์ประกอบของทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
และหลักสูตรระดับปฐมวัย
2. สร้างเกมการศึกษาลอตโตจำนวน 60 เกมโดยกำหนด ชื่อเกม ระยะเวลา จุดประสงค์และการดำเนิกิจกรรม
3. นำเกมการศึกษาลอตโตที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นให้ผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบความสอดคล้องของกิจกรรมเกการศึกษาลอตโตกับทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
4. ปรับปรุงเกมการศึกษาลอตโตตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ ผลการพิจารณาของผู้เชี่ยวชาญได้ลงความเห็นตรงกัน
คือ ปรับภาษาของคำถามบางเกมให้เหมาะสมยิ่งขึ้น ปรับรูปภาพตัวเลือกให้มีความชัดเจน
5. นำเกมการศึกษาลอตโตที่ปรับปรุงแก้ไขตามคำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญไปทดลองใช้จริงกับเด็กนักเรียนชั้นอนุบาลปีที่
2 จำนวน 30 คนที่เลือกมาโดยวิธีสุ่มอย่างง่าย แต่ไม่ใช่กลุ่มตัวอย่างเพื่อปรับปรุงเกมการศึกษาลอตโตให้เหมาะสมกับระยะเวลาที่กำหนดไว้
6. นำเกมการศึกษาลอตโตที่ปรับปรุงเหมาะสมแล้วไปจัดทำเป็นฉบับสมบูรณ์
เพื่อนำไปใช้กับกลุ่มตัวอย่างในการทดลอง ซึงมีจำนวนทั้งหมด 45 เกม
วิธีดำเนินการทดลอง
1. สร้างความคุ้นเคยกับกลุ่มตัวอย่างเป็นเวลา 1 สัปดาห์
2. นำแบบทดสอบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ที่ผู้วิจัยสร้างขึ้นมาทดสอบก่อนทดลอง
กับกลุ่มตัวอย่าง
3. ดำเนินการทดลองกับกลุ่มตัวอย่าง โดยการใช้เกมการศึกษาลอตโต
เป็นเวลา 8 สัปดาห์
สัปดาห์ละ 5 วัน วันละ 30 นาที
4. ในการดำเนินการทดลองในแต่ละวัน เด็กจะแบ่งกลุ่มออกเป็น
5 กลุ่มๆ ละ 6 คนเด็ก
สามารถเลือกหยิบเกมการศึกษาลอตโตจากมุมเกมการศึกษามาเล่นด้วยตนเอง
เมื่อเล่นเสร็จแล้วเด็ก
ต้องนำเกมไปเก็บไว้ที่มุมเกมตามเดิมให้เรียบร้อยแล้วจึงหยิบเกมใหม่ออกมาเล่นในการจัดเกม
การศึกษาลอตโตจะมีเกมใหม่เปลี่ยนเข้ามาทุกวันๆ ละ 1 เกม
5. หลังจากทำการทดลองด้วยกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโตแล้ว ได้จัดให้มีการทดสอบด้วย
แบบทดสอบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์อีกครั้ง
การวิเคราะห์ข้อมูล
1. หาค่าสถิติพื้นฐานของคะแนนจากแบบทดสอบวัดทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อน
และหลังการทดลอง โดยนำข้อมูลไปหาค่าเฉลี่ย (Mean) และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน
2. เปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมโดยใช้
t–test for
Dependent Samples (ล้วน สายยศ; และอังคณา
สายยศ. 2538: 104)
สรุปผลการวิจัย
1. ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหลังการทำกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโตโดยรวมและรายด้านคือ
ด้านการสังเกตเปรียบเทียบ ด้านการจัดหมวดหมู่ ด้านการเรียงลำดับด้านการรู้ค่าจำนวน
สูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
2. เด็กปฐมวัยมีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์หลังการทำกิจกรรมเกมการศึกษาลอตโตทั้งโดยรวม
และรายด้าน มีการเปลี่ยนแปลงทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สูงขึ้น ในรายด้านทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ด้านการจัดหมวดหมู่เป็นอันดับแรก
รองลงมาคือ ด้านการสังเกตเปรียบเทียบด้านการเรียงลำดับ และด้านการรู้ค่าจำนวนตามลำดับ
ข้อเสนอแนะ
1. ครูควรนำ กิจกรรมเกมการศึกษาลอตโตมาใช้ในการพัฒนาทักษะพื้นฐานทาง
คณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยได้โดยพิจารณาความยากง่ายเหมาะสมกับความสามารถของเด็ก
2. ครูควรสร้างบรรยากาศที่เต็มไปด้วยการยอมรับเป็นกันเอง
พร้อมทั้งกระตุ้นและเปิด
โอกาสให้เด็กเลือกเล่นอย่างอิสระ ในระหว่างทำกิจกรรมซึ่งจะส่งผลให้เด็กได้มีพัฒนาการจากการเล่น
เกมอย่างเต็มศักยภาพ และในการแนะนำวิธีการเล่นเกมการศึกษาลอตโต
ครูควรมั่นใจว่าเด็กเข้าใจ
วิธีการเล่นเกมแต่ละเกมเป็นอย่างดีหากพบว่าเด็กยังไม่เข้าใจหรือมีปัญหา
ครูควรเข้าไปมีส่วนร่วมใน
การเล่นกับเด็ก
3. เมื่อสิ้นสุดกิจกรรมควรนำเกมการศึกษาลอตโตจัดไว้ในมุมเพื่อให้เด็กได้เล่นทุกโอกาสที่
ต้องการ
เพื่อให้เด็กได้ฝึกฝนทักษะอย่างต่อเนื่อง
งานวิจัยเรื่อง : ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ
การศึกษาระดับ : บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผู้วิจัย : พิจิตรา เกษประดิษฐ์
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญการจัดกิจกรรมการใช้ขนมอบ
ทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ สามารถทำให้เด็กเกิดการเรียนรู้ ตลอดจนมีพัฒนาการด้านสติปัญญาในด้านทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
จากการใช้ขนมอบทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์จะเป็นแนวทางสำหรับครู ผู้บริหาร ตลอดจนผู้เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษาสำหรับเด็กปฐมวัยในการจัด
และพัฒนารูปแบบของกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ และพัฒนาทักษะทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยต่อไป
ความมุ่งหมายของการวิจัย เพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย ก่อนและหลังการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ
ความสำคัญของการวิจัยผลการวิจัยครั้งนี้ จะเป็นข้อมูลประกอบการตัดสินใจ สำหรับครูและบุคลากรที่เกี่ยวข้องกับเด็กปฐมวัย ในการนำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ ไปใช้เพื่อส่งเสริมทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยอีกวิธีหนึ่ง
ขอบเขตของงานวิจัย
ตัวแปรที่ศึกษาตัวแปรต้น คือ การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบตัวแปรตาม คือ ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
นิยามศัพท์เฉพาะ 1.เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กนักเรียนชาย-หญิง ที่มีอายุระหว่าง 3 – 4 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ในชั้นอนุบาลปีที่ในชั้นอนุบาลปีที่ในชั้นอนุบาลปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ของโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ สังกัด สำนักการศึกษาเอกชน
กรุงเทพมหานคร2. กิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ หมายถึง กิจกรรมที่เด็กที่เด็กได้ใช้ประสาทสัมผัสในการทำกิจกรรมตกแต่งบนขนมอบ คือ ขนมปัง คุกกี้ พาย เค้ก ซึ่งขนมอบทั้ง 4ชนิดนี้ มีรูปร่างรูปทรง เด็กจะได้มีโอกาสเลือกและลงมือปฏิบัติ โดยใช้วัสดุอื่นๆ เป็นส่วนประกอบ เช่น ครีมแต่งหน้าเค้กน้ำตาลไอซิ่ง แยม ช็อกโกแลต และวัตถุดิบโรยหน้าต่างๆ มาตกแต่งด้วยวิธี การโรยหน้า ทา วาด เขียนลงบนขนมอบชนิดต่างๆ ตามความคิดและจินตนาการ
กรอบแนวคิดการวิจัย
การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ : ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
1. การสังเกตและจำแนก
2. การเปรียบเทียบ
3. การจัดหมวดหมู่
สมมติฐานของการวิจัยเด็กปฐมวัยที่ทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ มีทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สูงขึ้น
บทที่3
วิธีการดำเนินงาน การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่าง ประชากรกลุ่มตัวอย่างกลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กปฐมวัยชาย-หญิง ที่มีอายุ 3 – 4 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 1/3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ของโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ สังกัดสำนักการศึกษาเอกชน กรุงเทพมหานคร โดยการสุ่มกลุ่มตัวอย่าง ด้วยการจับฉลากมา 1 ห้องเรียนจากจำนวน 4 ห้องเรียน จำนวน 20 คนเครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย 1. แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบ 2. แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์
การเก็บรวบรวมข้อมูล
การวิจัยในครั้งนี้เป็นการวิจัยกึ่งทดลอง (Quasi Experimental Research) ผู้วิจัยได้ดำเนินการ
ทดลองตามแบบแผนการวิจัย One-Group Pretest Posttest Design (ล้วน สายยศ ; และ อังคณาสายยศ. 2538: 249)การดำเนินการทดลอง 1. ขอความร่วมมือกับผู้บริหารโรงเรียนในการทำวิจัย 2. ทำการทดสอบก่อนการทดลองกับนักเรียนกลุ่มทดลอง ด้วยแบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 3. ดำเนินการทดลองกับกลุ่มทดลอง โดยให้นักเรียนทำกิจกรรมศิลปสร้างสรรค์ด้วยขนมอบกลุ่มละ 5 คน จำนวน 4 กลุ่ม เป็นเวลา 8 สัปดาห์ สัปดาห์ละ 3 วัน วันละ 20 นาที ระหว่างเวลา
การวิเคราะห์ข้อมูล 1. หาสถิติพื้นฐาน ได้แก่ ค่าคะแนนเฉลี่ย และค่าความเบี่ยงเบนมาตรฐาน2. เปรียบเทียบความแตกต่างของคะแนนการทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลอง โดยใช้สูตร t-test for Dependent Samples (ล้วน
สายยศ ; และ อังคณา สายยศ.
2538:
104)
สรุปผลการวิจัยทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ทั้งโดยรวมและรายด้านของเด็กปฐมวัยหลังการทดลองสูงกว่าก่อนการทดลองทำกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบอย่างมีนัยสำคัญทางสถิติที่ระดับ .01
ข้อเสนอแนะ 1. ครูควรมีบทบาทในการดูแลให้ความช่วยเหลือ
ให้คำแนะนำเมื่อเด็กต้องการ กระตุ้นให้เด็กโดยให้เด็กได้ทดลองทำตามความคิดของตนเอง ให้แรงเสริม
กล่าวคำชมเชยในผลงานของเด็ก ทำให้เด็กมีความมั่นใจ และตั้งใจในการทำกิจกรรม2. ในการเตรียมกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์ด้วยขนมอบนั้น ควรเตรียมครีมใส่กรวยเมื่อใกล้จะทำกิจกรรม เพราะว่า ถ้าใส่ทิ้งไว้นานจะทำให้น้ำมันในครีมละลายซึมออกมานอกกรวย
ทำให้เด็กไม่กล้าหยิบกรวยและกรวยที่ใส่ครีมแต่งหน้าเค้กควรมีขนาดที่พอเหมาะกับมือของเด็ก
เพื่อสะดวกกับเด็กในการบีบครีมทำกิจกรรมประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ เป็นเด็กปฐมวัย ชาย – หญิง ที่มีอายุ 3 – 4 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 1 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ของโรงเรียนอนุบาลกุ๊กไก่ สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาเอกชน
เขตคลองเตย กรุงเทพมหานคร ซึ่งมีจำนวน 4 ห้องเรียน จำนวน 81 คน3. ก่อนที่จะทำกิจกรรมครูควรแนะนำให้เด็กรักษาความสะอาด
ถ้าครีมแต่งหน้าเค้กเลอะมือหรือเสื้อผ้า
ควรใช้กระดาษทิชชูเช็ดออกก่อนแล้วนำไปล้างด้วยน้ำสบู่
งานวิจัยเรื่อง : การพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์สำหรับเด็กปฐมวัยโดยใช้รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้การศึกษาระดับ: บัณฑิตมหาวิทยาลัยศรีนครินทรวิโรฒ
ผู้วิจัย: คมขวัญ อ่อนบึงพร้าว
บทนำ
ความเป็นมาและความสำคัญการศึกษารูปแบบศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้ พบว่าศิลปะเปลี่ยนแบบ
ศิลปะบูรณาการ และศิลปะค้นหา สามารถนำมาใช้ในการพัฒนาทักษะคณิตศาสตร์ได้ การใช้ศิลปะ
เช่นภาพวาดหรือผลผลิตจากงานศิลปะมาให้เด็กค้นคว้าค้นหาความรู้จากงานศิลปะ ที่นำมากระตุ้นให้เกิดการเรียนรู้
ซึ่งแต่ละแบบของศิลปะเด็กจะต้องใช้พื้นฐานทักษะทางคณิตศาสตร์ไปด้วยเสมอ เช่นการเปรียบเทียบ
การจำแนก การสังเกต การบอกตำแหน่ง การนับ การรู้ค่ารู้จำนวน หรือแม้แต่การเพิ่มการลดจำนวน
ดังนั้นเห็นว่าควรนำไปทดลองใช้เพื่อศึกษาดูว่าเด็กสามารถพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยใช้ได้จริงหรือไม่และผลการวิจัยที่ได้รับ การจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้เป็นอย่างไร จะเป็นแนวทางของการใช้นวัตกรรมเพื่อการจัดการเรียนการสอนของเด็กปฐมวัยมาใช้ ในการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยหรืออาจนำไปประยุกต์ในกับการพัฒนาทักษะอื่นๆได้
ความมุ่งหมายของการวิจัยเพื่อเปรียบเทียบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัยก่อนและหลังได้รับการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
ความสำคัญของการวิจัยการวิจัยครั้งนี้เป็นแนวทางของการใช้นวัตกรรม การเรียนการสอนด้วยกระบวนวิธีของศิลปะรูปแบบต่างๆ มาประยุกต์เพื่อพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ให้กับเด็กปฐมวัยซึ่งผลการวิจัยจะเป็นแนวทางให้กับครู และผู้ที่เกี่ยวข้องกับการพัฒนาเด็ก
ได้พัฒนารูปแบบการจัดประสบการณ์ใหม่ๆ ให้กับเด็กปฐมวัย เพื่อส่งเสริมพัฒนาการของเด็กปฐมวัยและเกิดความหลากหลายในวิชาการศึกษาสำหรับครูมากขึ้น
ขอบเขตของงานวิจัยตัวแปรที่ศึกษา
1. ตัวแปรอิสระ ได้แก่ รูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
2.
ตัวแปรตาม ได้แก่ ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ 5 ด้าน
นิยามศัพท์เฉพาะ
1. เด็กปฐมวัย หมายถึง เด็กที่มีอายุระหว่าง 4–5 ปี ที่กำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่
2ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2551 ส่วนการศึกษาอนุบาลโรงเรียนไผทอุดมศึกษา กรุงเทพมหานครสำนักบริหารงานคณะกรรมการส่งเสริมการศึกษาเอกชน
เขตพื้นที่การศึกษาที่2
2. ทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ หมายถึง ความสามารถของเด็กปฐมวัยในการสังเกตเปรียบเทียบ
สี ขนาด จำแนกในรูปร่าง ขนาด การจัดหมวดหมู่ การเรียงลำดับเหตุการณ์ก่อน–หลังและการรู้ค่าจำนวน
สมมติฐานของการวิจัยเด็กปฐมวัยที่ได้รับการจัดรูปแบบกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
มีการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ก่อนและหลังการทดลองแตกต่างกัน
บทที่3
วิธีการดำเนินงาน
การกำหนดประชากรและกลุ่มตัวอย่างประชากรประชากรที่ใช้ในการวิจัยครั้งนี้ คือ เป็นนักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปี ซึ่งกำลังศึกษาอยู่ชั้นอนุบาลปีที 3 ภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนสาธิตอนุบาลลอออุทิศ กรุงเทพมหานคร
สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต จำนวน 10 ห้องเรียน
กลุ่มตัวอย่าง กลุ่มตัวอย่างที่ใช้ในการศึกษาครั้งนี้ คือ เป็นนักเรียนชาย – หญิง อายุระหว่าง 5 – 6 ปีซึ่งกำลังศึกษาอยู่ในชั้นอนุบาลปีที่ 3 ภาคเรียนที่
2 ปีการศึกษา 2549 โรงเรียนสาธิตอนุบาลละอออุทิศ
กรุงเทพมหานคร สังกัดมหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ซึ่งได้จากการจับฉลากมา 1 ห้องเรียนและได้รับการประเมินทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์โดยใช้แบบทดสอบที่ผู้วิจัยสร้างขึ้น
โดยคัดเลือกเด็กที่มีคะแนะทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ใน 15 อันดับสุดท้ายกำหนดเป็นกลุ่มทดลอง เครื่องมือที่ใช้ในการวิจัย1. แผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้2.แบบทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์การสร้างแผนการจัดกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
การเก็บรวบรวมข้อมูล1. ผู้วิจัยทำการทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
(Pretest)ก่อนการทดลอง2. ผู้วิจัยดำเนินการทดลองในกิจกรรมศิลปะสร้างสรรค์เพื่อการเรียนรู้
ใช้เวลาทดลองครบ 8 สัปดาห์ ผู้วิจัยทำการทดสอบทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย
(Pretest) หลังเสร็จสิ้นการทดลอง เพื่อเปรียบเทียบการพัฒนาทักษะพื้นฐานทางคณิตศาสตร์ของเด็กปฐมวัย การ
บทที่3
ไม่มีความคิดเห็น:
แสดงความคิดเห็น